·
การวิเคราะห์ปัญหา
(Problem
analysis)
·
การออกแบบโปรแกรม
(Design)
·
การเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาใดภาษาหนึ่ง (Coding)
·
การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม (Testing
and Debugging )
·
การทดสอบความถูกต้องของโปรแกรม (Testing
and validating)
การวิเคราะห์ปัญหา (Problem analysis)
¨
สิ่งที่ต้องพิจารณา
¤ Input
? (พิจารณาจาก Output)
¤ Output?
(พิจารณาอันดับแรก)
¤ Process (ยังไม่ต้องสนใจตอนนี้)
การออกแบบโปรแกรม (Design)
¨
เครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบ
¤ ผังงาน (Flowchart)
ขั้นตอนการแก้ปัญหาทีละขั้นตอนในลักษณะรูปภาพ
¤ รหัสจำลอง (Pseudo)
รูปแบบเป็นภาษาพูดง่าย ๆ ภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทยก็ได้
¨
ข้อดีของรหัสเทียม
(จำลอง)
¤ แปลงเป็นโปรแกรมได้ง่าย
¨
ข้อดีของผังงาน
¤ อ่านง่าย เข้าใจตรงกันได้
¨
สัญลักษณ์ในผังงาน
¨
โครงสร้างควบคุม
¤ โครงสร้างลำดับ (Sequence structure)
¤ โครงสร้างแบบมีทางเลือก (Selection structure)
¤ โครงสร้างทำซ้ำ (Repetition structure)
การเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาใดภาษาหนึ่ง (Coding)
¨ การเขียนโปรแกรมที่ดีนั้น ควรจะทำตามขั้นตอน คือเริ่มตั้งแต่
วิเคราะห์ปัญหา ก่อนแล้วทำการออกแบบโปรแกรม จึงเริ่มเขียนโปรแกรม
สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ควรทดลองเขียนในกระดาษก่อน
แล้วตรวจสอบจนแน่ใจว่าสามารถทำงานได้แล้วจึงทำการคีย์ลงเครื่อง
การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม (Testing
and Debugging )
¨
รูปแบบข้อผิดพลาด มี 3
แบบคือ
¤ Syntax
Error – ข้อผิดพลาดจากการใช้ไวยากรณ์ภาษาที่ผิด หรือ อาจเกิดจากการสะกดคำผิด
¤ Run-time
Error – ข้อผิดพลาดในระหว่างการปฏิบัติงาน(Execution) มักเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
¤ Logical
Error – ข้อผิดพลาดที่หาและแก้ได้ยากที่สุด
ต้องทำการไล่โปรแกรมทีละคำสั่งเพื่อหาข้อผิดพลาดนั้น
¨
วิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม
มีดังนี้
¤ การตรวจสอบด้วยตนเอง (Self Checking) เขียนโปรแกรมลงกระดาษแล้วไล่เช็คตรวจสอบการทำงานทีละขั้นด้วยตนเอง
ว่าจะมีการทำงานที่ถูกต้องตามความต้องการหรือไม่
¤ ตรวจสอบด้วยการแปลโปรแกรม (Translating) การแปลเป็นภาษาเครื่อง ตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม
การทดสอบความถูกต้องของโปรแกรม (Testing and validating)
¨ วิธีทดสอบความถูกต้องของข้อมูล มีดังนี้
¤ กรณีที่ข้อมูลถูกต้อง (valid case) ทดสอบโดยใส่ข้อมูลที่ถูกต้องลงไปในโปรแกรม
เพื่อทดสอบผลลัพธ์ว่าตรงกับที่ต้องการหรือไม่
¤ การใช้ขอบเขตและความถูกต้องของข้อมูล (Range
check and Completeness check) เป็นการเช็คขอบเขตข้อมูล
¤ การใช้ความสมเหตุสมผล (Consistency Check)ข้อมูลที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร (Correct No. and Type character
check) ตรวจสอบว่าถ้าเป็นฟิลด์ที่เป็นตัวเลขอย่างเดียว เช่น
จำนวนเงิน ก็ควรจะป้อนข้อมูลได้เฉพาะตัวเลขเท่านั้น
¤ ข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนด (Existence Check) ข้อมูลที่ป้อนต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วเท่านั้น
ที่มา : www.pnu.ac.th/webpnu/file_egn/cchap1.ppt
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น